ข่าววันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตำรวจโทนัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 นำกำลังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ตำรวจชุดสืบสวนเมืองกาญจนบุรี ชุดสืบสวนภูธรลาดหญ้า พร้อมด้วยอาสาสมัครมูลนิธิ พิทักษ์กาญจน์ เดินทางเข้าตรวจสอบจุดพบศพของดีเจเตเต้ ซึ่งอยู่กลางป่าลึก ในพื้นที่หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยการเดินทางไปยังจุดพบศพต้องใช้รถโฟวิลลุยป่าเข้ามานานกว่า 20 นาที ก่อนจะเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 5 นาที ส่งของดีเจเตเต้ อยู่ในสภาพนอนตะแคง มีเชือกเปล สีเขียว มัดมือทั้งสองข้างไพร่หลังเอาไว้ สภาพศพเริ่มบวมอืดมีหนอนชอนไชยั้วเยี้ยส่งกลิ่นเหม็นพระคลุ้งไปทั่ว ตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้น พบรอยคล้ายกระสุนปืนที่บริเวณกระหม่อมจำนวน 2 นัด เจ้าหน้าที่จึงนำศพส่งสถาบันนิติเวชทำการชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง สอบถาม ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งเป็นผู้มาพบศพคนแรก ให้ข้อมูลว่า เมื่อ 3 วันก่อน ตนเองเข้าป่ามาเดินหาเก็บของป่าและเก็บเห็ด แต่เนื่องจากในวันดังกล่าวมีฝนตกท้องฟ้ามืดครึ้มทำให้เดินหลงทาง เข้ามาบริเวณจุดที่พบศพ และพบขาของศพยื่นออกมาจากชายป่า ด้วยความตกใจจึงไม่กล้าเข้าไปดูใกล้ๆและรีบกลับไปที่บ้านของตัวเอง แต่เมื่อกลับไปที่บ้านแล้ว ตลอดทั้งคืนกลับเห็นแต่ภาพขาศพที่ลอยวนเวียนอยู่ในหัว จึงไปเล่าให้กับญาติฟัง ประกอบกับย่าเห็นข่าวของดีเจเจ้ที่หายตัวไป ในวันนี้จึงได้ตัดสินใจเดินทางกลับเข้ามายังจุดที่พบศพอีกครั้ง และเห็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของศพตรงกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ดีเจเตเต้ใส่ในคืนก่อนหายตัวไป ถึงแน่ใจว่าน่าจะเป็นศพของดีเจเตเต้ และรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า ให้เดินทางเข้ามาตรวจสอบดังกล่าว ด้านนางสาวเปรมยุดา แฟนสาวของ DJ เตเต้ ให้ข้อมูลว่า …

วันที่ 18 พฤษภาคม 2568 พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตำรวจชุดสืบสวนเมืองกาญจนบุรี และชุดสืบสวนจาก สภ.ลาดหญ้า ร่วมกับอาสาสมัครมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เดินทางเข้าตรวจสอบจุดพบศพ “ดีเจเตเต้” กลางป่าลึกในพื้นที่หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี การเข้าถึงพื้นที่ต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อวิ่งฝ่าป่าเป็นเวลานานกว่า 20 นาที จากนั้นต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 5 นาที จึงพบศพดีเจเตเต้ในสภาพนอนตะแคง ถูกมัดมือไพล่หลังด้วยเชือกเปลสีเขียว สภาพศพเริ่มบวมอืด มีหนอนชอนไช ส่งกลิ่นเหม็นทั่วบริเวณ เบื้องต้นพบบาดแผลคล้ายถูกยิงบริเวณกระหม่อม 2 นัด เจ้าหน้าที่จึงนำศพส่งสถาบันนิติเวชเพื่อชันสูตรอย่างละเอียด จากการสอบถามชาวบ้านผู้พบศพคนแรก เปิดเผยว่า เมื่อ 3 วันก่อนตนเดินเข้าป่าเพื่อหาเห็ดและของป่า แต่เนื่องจากฝนตกหนักและท้องฟ้ามืดครึ้ม ทำให้ตนหลงทางและเดินมาถึงบริเวณจุดพบศพ ก่อนจะสังเกตเห็นขาของศพยื่นออกมาจากชายป่า ด้วยความตกใจจึงรีบกลับบ้าน ต่อมาเมื่อกลับถึงบ้าน ภาพขาศพยังคงติดตาอยู่ตลอดทั้งคืน จึงเล่าเรื่องให้ญาติฟัง และญาติก็จำได้ว่ามีข่าวการหายตัวไปของดีเจเตเต้ ด้วยความสงสัย จึงตัดสินใจกลับไปยังจุดเดิมอีกครั้ง และพบว่าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายตรงกับที่ดีเจเตเต้ใส่ในคืนก่อนหายตัวไป จึงมั่นใจว่าเป็นศพของดีเจเตเต้ และรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลาดหญ้าให้เข้ามาตรวจสอบทันที เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวนและติดตามตัวผู้ก่อเหตุเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เรียกได้ว่าหลายคนคงมีความเชื่อกันว่าวันนั้นวันนี้ใส่เสื้อสีอะไรดี หรือไม่ดี สำหรับวันนี้ทีมงานสยามนิวส์จะพาไปเปิดสีเสื้อที่ ห้ามใส่ วันจันทร์ ที่ 19 พฤษภาคม 2568 นี้ นั่นก็คือ แดง เพราะจะทำให้เราพบเจอแต่อุปสรรค เจอเรื่องที่ไม่ดี เรื่องง่ายๆอาจจะกลับกลายเป็นยาก ลดทอนโชคลาภ มีความเจ็บป่วยหรือถึงขั้นเสียชีวิต ส่วนสีที่มงคลคือ เขียว เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ

หมอช้าง ทศพร โพสต์เตือน 4 ราศีว่า วันที่ 19 พฤษภาคม นี้ ดาวเสาร์ดาวตรีเทพดวงที่3 จะย้ายราศี แนะนำราศีที่ดาวเสาร์เข้าควรหาเวลาไปทำบุญกับโรงพยาบาลนะครับ โดย ดาวเสาร์ ย้ายออก ส่งผล 2 ราศี ดังนี้ ราศีสิงห์ ราศีกุมภ์ พ้นเคราะห์ ยกภูเขาออกจากอก หลุดพ้นบ่วงแห่งปัญหา เส้นทางชีวิตราบรื่นมากขึ้น ขณะที่ ดาวเสาร์ ย้ายเข้า ส่งผล 2 ราศี ดังนี้ ราศีมีน ราศีกันย์ ภาระความรับผิดชอบที่มากขึ้นพบเจอความเปลี่ยนแปลงเชิงก้าวหน้าที่แลกมากับความเหน็ดเหนื่อย วิธีเสริมดวง ไหว้ขอพรพระพุทธรูปปางนาคปรก ไหว้ขอพรองค์พญานาค ทำบุญกับโรงพยาบาล เช่น รพ.สงฆ์ ตัวเลขทำบุญกำลังดาวเสาร์ 7 หรือ 10

จากกรณีที่เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณเที่ยงคืน มีรายงานการหายตัวไปของนายวราพงษ์ หรือดีเจเตเต้ อายุ 33 ปี ดีเจหนุ่มจาก จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งทำงานที่ผับแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี โดยกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นว่าเขาถูกติดตามโดยรถยนต์ 2 คัน คือรถกระบะสีขาวและรถเก๋งสีดำ ก่อนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ด้านแฟนสาวซึ่งคบหากับดีเจเตเต้มานานกว่า 8 ปี เข้าแจ้งความและเผยว่าไม่สามารถติดต่อแฟนได้ตั้งแต่เวลา 05:00 น. วันเดียวกัน และได้รับข้อมูลจากเพื่อนว่า ดีเจเตเต้ได้คุยกับหญิงชื่อ น.ส.นิตยา ในเวลา 03:54 น. พร้อมระบุว่ามีรถตามหลังมา ก่อนตะโกนว่า ผมไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วสายถูกตัดไป จากเบาะแสล่าสุด พบรถเก๋งสีดำต้องสงสัย ขับเข้าพื้นที่ ตำบลเจ็ดเสมียน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี โดยรถเก๋งคันนี้ ได้จอดปิดคลุมผ้าอยู่ในบ้านพักหลังหนึ่ง เจ้าของบ้าน บอกเจ้าของรถชื่อ นายนพ มาขอจอดไว้ชั่วคราว อ้างว่ารถเสีย ก่อนวานให้ตนเองขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งขึ้นรถกระบะ ที่จอดรอหน้านิคมอุตสาหกรรมราชบุรี เพื่อมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ ชุดสืบสวน พบสัญญาณโทรศัพท์มือถือของ นายเตเต้ โผล่ที่กระท่อมด้านหลังสนามกอล์ฟ ตำบลวังด้ง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ก่อนหายตัว …

ล่าสุดเมื่อคืน วันที่ 17 พ.ค.68 ที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนักใน อ.เมืองเชียงใหม่ และ อ.หางดง นานกว่าหนึ่งชั่วโมง ทำให้น้ำป่าจากดอยสุเทพไหลทะลักลงมาตามเส้นทางน้ำ ท่วมบริเวณลานจอดรถจักรยานยนต์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าเชียงใหม่แอร์พอร์ต ทำให้น้ำท่วมเครื่องยนต์และน้ำเข้าท่อรถมอเตอร์ไซค์หลายคัน เจ้าของรถต้องเดินลุยน้ำรองเท้าเปียกเพื่อเอารถออกไป โดยเป็นน้ำท่วมขังรอการระบายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบริเวณนี้ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ลุ่มต่ำอีกหลายจุดที่เกิดน้ำท่วมขังรอการระบายแบบซ้ำซาก โดยเฉพาะย่านชุมชนศรีปิงเมือง และ ชุมชนกาดประตูก้อม ต.หายยา ที่มีน้ำท่วมขังอยู่หลายชั่วโมง กว่าจะระบายออกไปได้ต้องรอถึงช่วงเช้า ประชาชนเดือดร้อนหนักพื้นที่ลุ่มต่ำ ส่วนที่ อ.หางดง น้ำป่าจากดอยสูงในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ไหลทะลักลงสู่ลำห้วยแม่ท่าช้างและลำห้วยสาขา ทำให้บริเวณที่ลุ่มต่ำบางจุดเกิดน้ำท่วม โดยในเวลา 02.00 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยหางดง ลุยน้ำเข้าช่วยเหลือหญิงสูงวัยหนึ่งรายออกจากบ้านในซอย 2 บ้านช่างคำน้อย ต.หางดง หลังฝนตกหนักจนน้ำท่วมบ้าน เจ้าหน้าที่นำตัวออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยได้อย่างปลอดภัย ก่อนนำไปพักยังจุดปลอดภัย ระดับน้ำในล้ำน้ำแม่ท่าช้างที่เพิ่มขึ้นอย่างรวมเร็วเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้เทศบาลตำบลน้ำแพร่พัฒนา อ.หางดง ประกาศพื้นที่ลุ่มติดลำน้ำแม่ท่าช้าง เตรียมยกของขึ้นที่สูง เนื่องจากระดับน้ำถึงจุดวิกฤต 2.50 ม. อาจมีน้ำรอการระบาย ขณะที่สถานการณ์ล่าสุดระดับน้ำที่ลดลงแล้วเนื่องจากฝนหยุดตกและไม่มีฝนตกหนักเพิ่มมาอีก

งานนี้เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์หนัก หลังจากที่ดาราสาวอย่าง เบสท์-รักษ์วนีย์ คำสิงห์ และน้องชาย โบ๊ท ภูวรักษ์ ได้ออกมาพูดผ่านรายการ แฉ ว่าต่อจากนี้หากพ่อไปสร้างเรื่องใหม่ขึ้นอีก จะขอไม่ยุ่งแล้ว เพราะหนูเหนื่อย หลังจากนั้น ก็ได้มีกระแสต่างๆ เข้ามาอย่างมากมายไม่หยุด ทั้งเข้าใจใน เบสท์ รักษ์วนีย์ ที่ทำงานหาเงินอย่างหนัก และทุ่มเทเพื่อครอบครัวมาโดยตลอด อีกทั้งยัง มีอีกกระแสจากชาวเน็ตหลายๆ คน ที่เข้ามาคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์แรงว่า เธออกตัญญู เนรคุณผู้มีพระคุณ เช่น พวกเมิงไปหาดูวิดีโอที่พ่อเมิงโดนหมัดเพื่อแลกเงินมาเลี้ยงดูพวกเมิงให้รอดมาถึงทุกวันนี้ , พ่อผู้ให้กำเนิด ก็ควรจะตอบแทนคุณ , เนรคุณพ่อแม่ไม่มีวันเจริญ เป็นต้น ต่อมา เบสท์ รักษ์วนีย์ ก็ได้โพสต์ภาพตนเองลงบนโซเชียลส่วนตัว พร้อมใส่เพลง ยิ้ม ของ โอ๊ต ปราโมทย์ ที่ร้องกับ ป๊อบ ปองกูล ทำเอาหลายๆ คนในวงการแห่เข้ามาให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม โดยมีคอมเมนต์ว่า เพลงเศร้าเกินน้อง , สวยมากน้อง , กอดๆ น้า เก่งมากๆ แล้ว น้องชายหล่อ คือที่ , …

เว็บไซต์ ETtoday รายงาน หญิงวัย 72 ปี ในเมืองไถจง ของไต้หวัน ได้เดินทางมายังธนาคารแห่งหนึ่งในเขตเป่ยถุน เพื่อถอนเงิน 1 ล้านดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (ประมาณ 1,050,000 บาท) ในคราวเดียว พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าเธอป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย และต้องการใช้เงินสำหรับ “ทริปในฝัน” ในช่วงสุดท้ายของชีวิต แต่เจ้าหน้าที่เกิดความกังวลว่าอาจเป็นกรณีหลอกลวง จึงแจ้งตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ สถานีตำรวจ เผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว หญิงนามสกุลหวังเดินทางไปที่ธนาคารเพื่อถอนเงิน 1 ล้านดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (ประมาณ 1,050,000 บาท) ซึ่งเป็นเงินเก็บทั้งชีวิตของเธอ โดยเธอระบุว่าต้องการใช้เงินนี้สำหรับท่องเที่ยวอย่างอิสระและช้อปปิ้ง เพื่อเติมเต็มความฝันในช่วงสุดท้ายของชีวิต เนื่องจากป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่ธนาคารซักถามเพิ่มเติม พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ และสงสัยว่าเธออาจตกเป็นเป้าหมายของแก๊งมิจฉาชีพ จึงแจ้งตำรวจเข้ามาตรวจสอบ หลังจากยืนยันว่าเธอป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายจริง และตรวจสอบไม่พบว่าถูกหลอกลวง ธนาคารจึงอนุญาตให้ถอนเงินสด โดยมีตำรวจคุ้มครองหญิงรายนี้ให้นำเงินกลับบ้านอย่างปลอดภัย แม้นางเอจะพยายามโต้แย้งว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นภายในพื้นที่ของธนาคาร และคนร้ายยังแอบอ้างเป็นคนของธนาคาร แต่ศาลท้องถิ่นกลับตัดสินว่า ลูกค้าต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการยืนยันตัวตนของพนักงานธนาคาร ตลอดจนรับผิดชอบในการทำธุรกรรมของตัวเอง และเนื่องจากเงินจำนวนนี้ไม่ได้ถูกลูกค้านำเข้าสู่ระบบของธนาคารอย่างเป็นทางการ ธนาคารจึงไม่ต้องรับผิดชอบในการสูญเสียนี้ ภายใน 30 นาที ผลจากหยาดเหงื่อและน้ำตาตลอด 20 ปีของฉันกลับหายไป ถ้าฉันระมัดระวังกว่านี้และตรวจสอบทุก ๆ รายละเอียดอย่างรอบคอบ …

จากกรณี สื่อต่างประเทศ ได้เผยแพร่เรื่องราวของ ประเทศจีน ชายรายหนึ่งต้องเผชิญกับฝันร้าย หลังจากเงินก้อนโตที่เขาได้รับเป็นค่าชดเชยจากการถูกรื้อถอนที่ดินมูลค่า 3.3 ล้านหยวน (คิดเป็นเงินไทยประมาณกว่า 16.5 ล้านบาท) หายเกลี้ยงจากบัญชี ทั้งที่เพิ่งนำไปฝากไว้กับธนาคารที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในพื้นที่ได้ยังไม่ทันข้ามวัน เรื่องราวเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2565 นายหลิวได้รับเงินชดเชยค่ารื้อถอนจำนวนมหาศาล ด้วยความกังวลว่าการเก็บเงินสดจำนวนมากไว้กับตัวจะไม่ปลอดภัย เขาจึงตัดสินใจนำเงินทั้งหมดไปฝากไว้กับธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่งในย่านนั้น โดยหวังว่าจะปลอดภัยและยังได้รับดอกเบี้ยอีกด้วย เช้าวันต่อมา นายหลิว จึงได้นำเงินจำนวน 16.5 ล้านบาท ไปดำเนินการฝากเข้าบัญชีธนาคาร โดยมีพนักงานชื่อ “หลี่” เป็นผู้ให้การต้อนรับและดำเนินการทำธุรกรรมให้ตามขั้นตอนจนเสร็จสิ้น หลังจากนั้น 1 ปี นายหลิว กลับไปที่ธนาคารแห่งเดิมอีกครั้ง เพื่อขอถอนเงิน แต่กลับได้รับข่าวช็อกเมื่อพนักงานธนาคารแจ้งว่า “บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของเขาไม่เหลือเงินอยู่เลยแม้แต่บาทเดียว” และเมื่อลองตรวจสอบข้อมูลการถอนเงินย้อนหลังปรากฎว่า “เงินทั้งหมดถูกถอนออกไปภายในเย็นวันเดียวกันกับที่นายหลิวนำเงินมาฝาก” นายหลิวได้เรียกร้องให้ธนาคารชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างชัดเจนของสาเหตุที่เงินจำนวนมหาศาลหายไปในพริบตา ทั้งที่ฝากยังไม่ทันข้ามวัน เมื่อผลสอบสวนภายในของธนาคารดังกล่าวออก จึงพบว่า พนักงานที่ชื่อ “หลี่” ได้แอบ ปลอมลายมือชื่อของนายหลิว และทำการโอนเงินทั้งหมดเข้าบัญชีส่วนตัว ก่อนจะแจ้งลาออกในทันที ส่วนทางธนาคารกลับพยายาม ปัดความรับผิดชอบ โดยอ้างว่า พนักงานคนนั้นไม่ได้ทำงานที่นี่แล้ว และความผิดก็ไม่ใช่ของธนาคาร เราได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง ไม่มีการตกหล่นใด ๆ ทั้งสิ้น จากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย …

จากกรณีเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งชื่อ ลุงใหม่ ธรรมทาน (ลุงใหม่ กับ ยายสวิง) โพสต์เรื่องราวสะเทือนใจของคุณยายสวิง แม่ค้าส้มตำวัย 92 ปี จากจังหวัดพิจิตร ที่มาใช้ชีวิตอยู่จังหวัดระยองคนเดียวมาตลอด 40 ปี ก่อนย้ายกลับเมืองพิจิตร ยายได้เผยกระดาษบัญชีรายชื่อคนที่เคยยืมไว้ หลังเก็บเงียบมานานเกือบ 10 ปี เป็นจำนวนหลายหมื่นบาท แต่กลับไม่คืนสักบาท แถมโดนด่าใส่ เมื่อยายทวงถาม โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวระบุข้อความว่า ก่อนกลับพิจิตร ยายยื่นกระดาษเก่าๆ เก็บไว้เกือบ10 ปี มันคือบัญชี ที่คนเอาเงินไป แกให้ยืมด้วยความสงสาร จะกลับบ้าน ไปถามเอาเงิน เขาด่าส่ง บอกไม่มีให้ คนแบบนี้ทำอะไรก็ไม่เจริญ สงสารยายอายุ 92 แล้วต้องมาเจออะไรแบบนี้ ภาพจาก เฟซบุ๊ก ลุงใหม่ ธรรมทาน (ลุงใหม่ กับ ยายสวิง) หลังจากที่ได้โพสต์ภาพและข้อความดังกล่าวออกไป ต่างมีชาวเน็ตเข้าไปแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก cr. สยามนิวส์