เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม มีรายงานว่า จากการเข้าตรวจสอบบัญชีการเงินรายรับ-รายจ่ายของวัดไร่ขิงอย่างละเอียดที่ผ่านมา เบื้องต้นพบบัญชีธนาคาร จำนวน 53 บัญชี รวมถึงยังพบว่า มี 2 บัญชีที่เปิดเพื่อรับเงินจากตู้บริจาคในนามของมูลนิธิเมตตาประชารักษ์ และซื้ออุปกรณ์การแพทย์ ให้กับโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ แต่พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องของโรงพยาบาลว่า ทางวัดไม่ได้สนับสนุนเงินให้กับโรงพยาบาลมานานกว่า 3 ปีแล้ว
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยอดเงินในบัญชีธนาคาร ทั้ง 2 บัญชี พบว่า มีเงินคงเหลือในบัญชีเพียงแค่ล้านกว่าบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นขอตรวจสอบรายงานเดินบัญชี จากสถาบันการเงิน ว่านำไปใช้ประโยชน์ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ในอดีตโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ เคยรับเงินสนับสนุนเงิน ผ่านมูลนิธิเมตตาประชารักษ์ ทั้งด้านทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาแพทย์ การอบรม และบัญชีสนับสนุนการซื้อเครื่องมือแพทย์อยู่เป็นประจำ แต่เมื่อช่วงปี 2564-2565 ทางโรงพยาบาลได้รับเงินสนับสนุนจากทางวัดน้อยลง จนกระทั่งหยุดสนับสนุนมานานกว่า 3 ปีแล้ว ทำให้ทางโรงพยาบาลต้องจัดตั้งมูลนิธิขึ้นมาใหม่ เพื่อเปิดรับเงินจากประชาชนเองอีกหนึ่งบัญชี โดยขาดอำนาจจากมูลนิธิเมตตาประชารักษ์เดิม ที่มีนายเเย้ม อดีตเจ้าอาวาสเป็นประธานมูลนิธิ และผู้มีอำนาจเบิกถอน พร้อมขออนุญาตจากคณะกรรมวัดไร่ขิง เพื่อขอตั้งตู้บริจาคเงินให้โรงพยาบาลอีก 1 ตู้ด้วย ซึ่งทางโรงพยาบาลจะส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดไขเงินจากตู้บริจาคเอง ไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีวัด แต่ก็ยังพบเห็นตู้บริจาคของมูลนิธิฯ และตู้บริจาคซื้ออุปกรณ์การแพทย์อันเดิมตั้งอยู่ด้วยเช่นกัน
ส่วนเรื่องการตรวจสอบบัญชีอื่นๆ ของวัด มีรายงานว่ามีบัญชีธนาคารที่ถูกเปิดในชื่อบัญชีพระธรรมวชิรานุวัตร อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง เพิ่มเติมอีกหลายบัญชี นอกเหนือจาก 3 บัญชีที่ใช้เป็นข้อกล่าวหาไป โดยพบเงินคงเหลือในบัญชีรวมกันแล้วกว่า 1 ล้านบาท มีการโอนเงินเข้าออกบัญชีหลายรายการจนเป็นที่น่าสงสัย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนผู้เกี่ยวข้องในบัญชีเงินวัดทั้งหมดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำแยกเป็นพยาน และผู้ร่วมกระทำความผิด แต่ขณะนี้ยังไม่ได้พิจารณาออกหมายจับใครเพิ่มเติม คดีอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิจารณาฐานความผิดเท่านั้น
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบที่ผ่านมาพบว่าระบบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดไร่ขิง ถูกจัดเก็บไว้อย่างค่อนข้างรัดกุม สามารถตรวจสอบได้ง่าย แต่ภายหลังที่นายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเข้ามารับตำแหน่ง ตั้งแต่ ปี 2551 การเดินบัญชีเริ่มจะมีความซับซ้อนมากขึ้น
ส่วนประเด็นที่ นายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ไปขอหยิบยืมเงินจากเจ้าอาวาสวัดอื่นๆ อ้างนำเงินไปวิ่งเต้นเพื่อรับตำแหน่งเจ้าคณะภาค 14 ทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้สอบสวนในประเด็นนี้ ซึ่งหากพบในการทุจริตการรับตำแหน่งจริง หรือไปเรียกเงินจากวัดอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการกระทำความผิด ก็จะต้องตรวจสอบย้อนหลัง พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมตรวจสอบต่อไป